วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

Rottweiler


ประวัติสุนัขสายพันธ์ล็อทไวเลอร์


     ล็อทไวเลอร์ สุนัขขนาดใหญ่สายพันธุ์นี้ เคยถูกเลี้ยงไว้ใช้งานในการคุ้มกันกองคาราวานสินค้า ในประเทศแถบยุโรป ครั้งหนึ่งเมื่อเสร็จจากงาน เจ้าของกองคาราวานสินค้าได้นำสุนัขเข้ามาพักผ่อนในเมือง ปรากฏว่า ชายขี้เมาคนหนึ่งพยายามเข้ามาทำร้ายเจ้าของ สุนัข "ร็อตไวเลอร์" จึงเข้าปกป้อง เมื่อหลายคนเห็นว่าสุนัขพันธุ์นี้มีทั้งพละกำลัง และความดุร้ายหวงแหนเจ้าของ จึงนำมาเพาะเลี้ยงใช้งานลักษณะนี้มาถึงปัจจุบัน และพันธุ์ของเจ้าสุนัข ร็อตไวเลอร์ ที่โด่งดังสุด เห็นจะเป็นพันธุ์ที่มาจาก 3 ประเทศหลัก คือ เยอรมนี สหรัฐอเมริกา และยูโกสลาเวีย


       ล็อทไวเลอร์ สายพันธุ์ที่มาจากประเทศเยอรมนี ถือว่าเป็น ล็อตไวเลอร์ ที่ดุร้ายและก้าวร้าวที่สุด เนื่องจากธรรมชาติและเป้าหมายของการเพาะเลี้ยงในประเทศนี้มักใช้งาน "ล็อตไวเลอร์" ในการคุ้มกันบุคคล-อารักขาอาณาบริเวณ การคัดเลือกสายพันธุ์ รวมถึงการฝึกจึงเน้นลักษณะการใช้งานเป็นหลัก สุนัขทุกตัวจึงต้องผ่านการตรวจจิตประสาท ก่อนจะนำไปขึ้นทะเบียนด้วย

          
     ในสหรัฐอเมริกา จะเพาะเลี้ยง "ล็อตไวเลอร์" ในลักษณะสุนัขเข้าสังคม ใจดี ใช้ชีวิตอยู่กับผู้คนในบ้าน  ฝึกให้มีความสงบ ไม่ก้าวร้าว ถึงขนาดการประกวดสุนัขพันธุ์นี้ในสหรัฐ มีข้อกำหนดว่ากรรมการต้องสามารถอ้าปากได้โดยไม่ถูกกัด หาก สุนัข ล็อทไวเลอร์ มีอาการก้าวร้าวจะถูกตัดสิทธิ์ทันที 



       ขณะที่ประเทศยูโกสลาเวีย จะนำลักษณะเด่นของ ร็อทไวเลอร์ ทั้งสายพันธุ์สหรัฐฯ และเยอรมนี มารวมกันคือ ทั้งบึกบึน สงบ รวมถึงการฝึกคุ้มกันและอารักขาไปในตัวด้วย


      "ประเทศไทยพ่อแม่พันธุ์ สุนัข ร็อตไวเลอร์ ส่วนใหญ่นำเข้ามาจากประเทศเยอรมนี ซึ่งลูกค้าที่ซื้อนิยมเอามาเฝ้าบ้านกันขโมย คุ้มครองคนในบ้าน แต่มีข้อเสีย คือ คนเลี้ยงส่วนมากไม่ค่อยศึกษาลักษณะนิสัย และการฝึก เห็นตอนตัวเล็กๆ น่ารัก ก็ซื้อหามาเลี้ยง โดยไม่นึกถึงตอนที่สุนัข ร็อตไวเลอร์ โตขึ้นมา เลยไม่เข้าใจธรรมชาติของพวกนี้" สกล ทักษิณาภินันท์ชัย เจ้าของคอกสุนัขมอร์แดนด๊อก จ.สมุทรสาคร  ฟาร์มใหญ่ของ "ร็อตไวเลอร์"  ให้ข้อมูล

          ทั้งนี้ ธรรมชาติของสุนัข ร็อตไวเลอร์ จะตัวใหญ่โต น้ำหนักเกินกว่า 50 กิโลกรัม ลักษณะกะโหลกใหญ่ กล้ามเนื้อแข็งแรง ที่สำคัญ ร็อทไวเลอร์ จะหวงแหนอาณาเขตของตัวเอง คนแปลกหน้าเข้ามาจะแสดงอาการปกป้องหรือเห่าส่งเสียงดัง


มาตรฐานสายพันธ์ของสุนัขล็อตไวเลอร์

ขนาดส่วนสูงสุนัขตัวผู้ 24-27 นิ้ว ส่วนตัวเมีย 22-25 นิ้ว ร่างกายดูกำยำเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ บึกบึนมั่นคง ร่างกายดูแข็งแรงมีสมดุล ดูน่าเกรงขาม 
ศรีษะความยาวปานกลาง มองด้านข้าง หน้าผากจะโค้งเล็กน้อย ขากรรไกรบนและล่างแข็งแรง หูขนาดปานกลาง ห้อยลง ลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยม ในขณะที่ตื่นตัวหูจะอยู่ในระดับเดียวกับส่วนบนของกะโหลก จมูกกว้างและมีสีดำ ลำตัวกว้างและลึกลงไปจนถึงข้อศอก หลังเหยียดตรงและแข็งแรง ชายกระเบนเหน็บสั้น ลึกและเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ หางตัดสั้นเกือบชิดลำตัว
ฟันมีลักษณะฟันแบบขบกรรไกร 
ปากริมฝีผากดำ ย้อยห้อยกำลังดี ริมฝีปากชุ่มชื่น ไม่แห้ง
ตาตาลึก เป็นรูปทรงอัลมอนด์ ดวงตาสีน้ำตาลเข้ม 
หูหูเป็นรูปทรงสามเหลี่ยม ฐานหูตั้ง แต่จะพับลงตั้งแต่กลางหู
จมูกจมูกใหญ่สีดำ 
คอคอหน้ารับกับช่วงไหล่และอกเป็นอย่างดี มั่นคง แข็งแรง เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ
อกอกกว้าง บึกบึน เด็กไปด้วยกล้ามเนื้อ ดูน่าเกรงขาม 
ลำตัวระยะจากจุดสูงสุดถึงข้อศอกมีระยะเท่ากับข้อศอกถึงพื้นดิน ขาได้พัฒนาอย่างแข็งแรง ประกอบด้วยกระดูกที่ใหญ่และเหยียดตรง ฝ่าเท้าแข็งแรง มีสปริงและเกือบจะตั้งฉากกับพื้นดิน กลมและกระทัดรัด โค้งกำลังดี ไม่บิดเข้าหรือบิดออก อุ้งเท้าหนาและแข็ง เล็บเท้าสั้น แข็งแรง และมีสีดำ นิ้วติ่งควรจะตัดทิ้ง
เอว-
ขาหน้าขาหน้าตรง ขนาดกันทั้ง 2 ข้าง กระดูกขาใหญ่ และแข็งแรง มั่นคง 
ขาหลังต้นขาหลังหน้าใหญ่ กล้าง เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อกระชับแข็งแรง เอนลาดไปทางด้านหลัง ขาท่อนล่างทำมุมรับกับขาท่อนบนกำลังดู มองจากด้านหลังขาท่อนล่างขนานกัน
หางตัดสั้น
ขนขนชั้นนอกเหยียดตรง แน่นและหยาบ ยาวปานกลางและเรียบ ขนชั้นในจะอยู่บริเวณคอและตะโพก ส่วนขนจะหนาหรือบางขึ้นอยู่กับสภาพของอากาศ
สีขนต้องมีสีดำโดยเสมอ โดยอาจจะมีมาร์คกิ้งสีสนิมหรือสีมาฮ็อกกานี มาร์คกิ้งที่ว่าอาจจะอยู่เหนือตาแต่ละข้างบริเวณแก้ม เป็นแถบอยู่ด้านข้างของปากเป็นต้น


วิธีเลี้ยงดู ร็อตไวเลอร์ ไม่ให้ทำร้ายเจ้าของ

          สุนัข ร็อทไวเลอร์ มีความตื่นตัวและเฉลียวฉลาดอย่างน่าทึ่ง สามารถจดจำเรื่องราวต่างๆ ที่สอนได้แม่นยำ ทั้งยังสงบเยือกเย็น ทำให้เห็นถึงความกล้าหาญและเสียสละ อย่างไรก็ตาม คนเลี้ยง ร็อตไวเลอร์ จะต้องให้ความรัก ความใกล้ชิดพอสมควร เพราะถ้าไม่มีเวลาหรือไม่พาไปวิ่งออกกำลัง ลักษณะร่างกาย สุนัข ร็อทไวเลอร์ จะไม่สมบูรณ์ ยิ่งถูกขังในบ้านนาน ร็อตไวเลอร์ จะกลายเป็นสุนัขที่อันตราย หากใครเข้าบ้านจะตรงไปทำร้ายทันที 

          ด้วยเหตุนี้ คนเลี้ยงสุนัข ร็อตไวเลอร์ จึงต้องหาเวลาพา ร็อทไวเลอร์ใส่สายจูงออกไปเดินนอกบ้านบ้าง เพื่อเป็นการเรียนรู้การเข้าสังคมและให้เกิดความเคยชินกับสิ่งแวดล้อมรอบๆ บ้าน ที่สำคัญจงอย่าขัง สุนัข ร็อตไวเลอร์ไว้ในบ้านหรือกรงอย่างเดียว เพราะวันไหนถ้าหากหลุดออกไปนอกบ้าน สุนัขจะเกิดความระแวง หวาดกลัว และเข้าทำร้ายคนที่เดินผ่านไปมา ซึ่งอันตรายมาก

วิธีป้องกันคมเขี้ยว ร็อตไวเลอร์

          เจ้าของฟาร์ม กล่าวว่า ถ้าเข้าไปอยู่ในอาณาเขตของพวกนี้เสี่ยงที่จะถูกกัด หากสุนัขตรงเข้ามาหาสิ่งแรกที่ต้องทำ คือ ยืนนิ่งๆ ห้ามกระดุกกระดิก เพราะธรรมชาติของสุนัขพันธุ์นี้ จะไม่ชอบคนหลุกหลิก หรือท่าทางแบบกล้าๆ กลัวๆ หรือพวกคนแปลกหน้าเนื่องจากสัญชาตญาณปกป้องหวงแหนถิ่นที่อยู่

          "ถ้าสุนัขวิ่งเข้ามาหาให้ยืนนิ่งๆ สุนัขจะหยุด หรือหากถูกกัดแล้วอย่าพยายามวิ่งหนี ปล่อยให้กัดเพียงครั้งเดียว แล้วมันจะค่อยๆ ปล่อยกรามออกมาเอง แต่หากเหยื่อดิ้นรนต่อสู้ สุนัขจะขย้ำและยิ่งบดเขี้ยวสะบัด เพื่อให้เหยื่อหยุดนิ่ง ที่สำคัญห้ามล้มลงโดยเด็ดขาด เพราะสุนัขจะเข้าฟัดจนเหยื่อแน่นิ่ง ทางที่ดีถ้าล้มลงก็ให้นอนนิ่งๆ พยายามอย่าร้องกลั้นความเจ็บปวดไว้ สุนัขจะค่อยๆ สงบลงเอง อย่างเหยื่อเด็กที่ถูกกัดคงดิ้นรน ทำให้โดนฟัดจนเสียชีวิต" สกล กล่าวให้คำแนะนำในการเอาตัวรอดจากคมเขี้ยว "ร็อตไวเลอร์"


โรคของสุนัขสายพันธ์ล็อตไวเลอร์

โรคข้อสะโพกอักเสบ (HD) 
เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของข้อต่อสะโพก เป็นโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมซึ่งมีอิทธิพลโดยปัจจัยแวดล้อม โรคนี้จะเป็นปัญหาปกติสำหรับสุนัขสายพันธุ์ที่ค่อนข้างใหญ่ ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคซึ่งป็นสาเหตุให้เจ็บปวดมาก และทำให้ร่างกายทรุดโทรม โรคนี้จะแทบไม่เคยปรากฎในลูกสุนัขที่อายุต่ำกว่า 6 เดือน โดยทั่วไปสุนัข 2 ปีขึ้นไปจึงจะตรวจพบโรคนี้ แต่ยังไม่สามารถระบุแน่นอนได้ถึงอายุที่ตรวจพบโรคนี้

โรคข้อต่อข้อศอกอักเสบ (Elbow Dysplasia) 
โรคนี้คล้ายๆ กับโรคข้อสะโพกอักเสบเป็นโรคที่ถ่ายทอดมาทางสายพันธุ์ เป็นความผิดปกติของข้อต่อข้อศอก วิธีหลีกเลี่ยงโรคนี้ก็ คือ ต้องดูพ่อแม่และปู่ย่าว่ามีอาการของโรคหรือไม่ 

Osteochondrosis Dissecans (OCD)
OCD เป็นโรคของกระดูกที่พัฒนามาเป็นความบกพร่องของภาวะข้อต่ออักเสบ เกิดจากการถูกรบกวนของกระบวนการที่กระดูกอ่อนถูกเปลี่ยนสภาพ ระหว่างการเจริญเติบโต กระดูกอ่อนจะมีรูปร่างหนาผิดปกติตรงบริเวณข้อต่อ ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดการกดดันต่อไปภายหน้าที่มีแนวโน้มจะส่งผลร้าย รูปร่างที่บกพร่องจะทำให้กระดูกอ่อนสามารถเกิดการฉีก และทำให้มีการขยับขึ้นลง แม้ว่าการที่กระดูกอ่อนมีการขยับขึ้นลงได้แต่อาจจะมีบางส่วนมียังติดกับกระดูก หรืออาจจะฉีกออกไปลอยตัวอิสระในข้อต่อ จากภาวะนี้จะนำมาซึ่งภาวะข้อต่ออักเสบ เกิดความเจ็บปวดจนต้องเดินขากะเผลก และพิการในที่สุด อาจจะเกิดอาการแบบนี้ได้หลายข้อต่อในเวลาเดียวกัน โดยข้อต่อที่เกิดอาการบ่อยๆ ได้แก่ ไหล่ ข้อศอก ข้อเท้า หังเข่า อาการเจ็บปวดระหว่างการเจริญเติบโตจะเกืดขึ้นในช่วงลูกสุนัข 4 เดือนทำให้ลูกสุนัขมีอาการขากะเผลก ต้องพาไปตรวจเพื่อแก้ไขแต่แรกจะได้ไม่มีปัญหานี้

Von Willebrand's Disease (VWD)
VWD คือโรคเลือดไหลไม่หยุดคล้ายๆ กับโรคเลือดไหลไม่หยุดในคน (ที่เกิดจากความผิดปกติของยีนส์ในโครโมโซม X โรคนี้มักจะเกิดกับคนเพศชาย) สำหรับสุนัขที่เป็นโรคนี้ จะมีอาการบ่งบอกคือเวลาตัดเล็บโดนเล็บเท้าแล้วเลือดไหลยาวนานมาก หรือกรณีมีการผ่าตัดเล็กจะมีอาการเลือดไหลไม่หยุด สุนัขที่เป็นอาจจะไม่มีอาการที่สามารถสังเกตได้ โรค VWD สามารถตรวจพบได้ด้วยการตรวจเลือด
(Von Willebrand คือ ชื่อหมอชาวฟินน์ที่อธิบายเรื่องโรคเลือดไหลไม่หยุดในสุนัข)

โรคลำไส้ใหญ่บวมแก๊ส (Bloat)
โรคนี้เป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับสภาพในกระเพาะพองเพราะมีปริมาณแก๊ส หรือ น้ำ หรือทั้ง 2 อย่างมาก โรคลำไส้ใหญ่บวมแก๊สจะกลายเป็นโรคร้ายแรงเมื่อกระเพาะขยายตัวมากแล้วเกิดอาการพลิกทำให้บิดเป็นเกลียว ลำไส้ใหญ่บวมแก๊สและบิดเป็นเกลียว เกิดจากหลังจากกินอาหาร หรือดื่มน้ำมากเกินไป แล้วไปออกกำลังกายอย่างหนักหลังอาหาร การป้องกันอาการนี้ทำได้โดยให้อาหารครั้งละน้อยๆ แต่วันละหลายมื้อ หลังมื้ออาหารต้องให้สุนัขเข้าคอกพักผ่อน และหมั่นสังเกตปริมาณน้ำที่สุนัขดื่มเข้าไป

โรคหัวใจ (Heart Diseases)
ส่วนใหญ่ปัญหาด้านหัวใจที่พบในร๊อตไวเลอร์ คือ การตีบของลิ้นหัวใจ ความผิดปกตินี้จะอยู่ในระดับน้อยๆ จนถึงขั้นรุนแรงให้เสียชีวิตในฉับพลันได้ โรคนี้เป็นโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมเช่นกัน

โรคภูมิแพ้ (Allergies) 
ร๊อตไวเลอร์บางตัวมีแนวโน้มที่จะแพ้ หมัด,เห็บ และอาหาร โดยอาการและความรุนแรงของการแพ้จะแตกต่างกันไปแล้วแต่สุนัขแต่ละตัว

โรคตา (Eye Diseases) 
โรคตาที่พบในร๊อตไวเลอร์มี 2 ลักษณะ คือ Entropian (อาการ เปลือกตาม้วนเข้าข้างใน) และEctropian (เปลือกตาพลิกออกด้านนอก) เป็นลักษณะที่สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรม ซึ่งต้องรักษาด้วยการผ่าตัด ถ้าสุนัขมีอาการทั้ง 2 นี้จัดว่าเป็นสุนัขที่มีโครงสร้างไม่เเข้าเกณฑ์ของ AKC ที่จะประกวดได้

การเสื่อมลงของเลนส์ตาจะเพิ่มขึ้นตามลำดับ จากตรงกลางเลนส์ตาซึ่งอาจจะเป็นต้อกระจก หรือ ต้อหิน เป็นลักษณะที่สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรม สุนัขตามฟาร์มต่างๆ ควรจะมีใบรับรองจากจักษุสัตว์แพทย์ โดยโรคนี้จะมีอาการเมื่อสุนัขเริ่มสูงอายุประมาณ 8 ปี

โรคลมบ้าหมู (Epilepsy) 
โรคลมบ้าหมูหรือโรคลมชัก ( อาการหมดสติเป็นครั้งคราว และมักมีอาการชักเกร็ง น้ำลายเป็นฟอง มือเท้าเกร็ง เป็นผลเนื่องจากสมองทำงานผิดปกติ) อาจจะมีสาเหตุมาจากการบาดเจ็บในสมองเนื่องจากการอักเสบของเชื้อแบคทีเรีย ถ้าตรวจไม่พบสาเหตุอาจจะเป็นเพราะเป็นโรคที่มีมาแต่กำเนิด ถ้าเป็นโรคลมบ้าหมูชนิดมีมาแต่กำเนิดจะมีลักษณะเฉพาะที่สังเกตได้ กรณีโรคลมบ้าหมูจะอาการกำเริบ โดยการเป็นลมชักอย่างปัจจุบันทันด่วน มีอาการชักกระตุก การหดเกร็งของกล้ามเนื้ออย่างรุนแรง อาจถูกกระตุ้นโดย ความเหนื่อย,ความอ่อนเพลีย, ความตื่นเต้น ความกังวล เสียงดัง หรือ ตัวเมียในช่วงติดสัตว์ อาจจะควบคุมโรคด้วยการใช้ยา

ความผิดปกติของต่อมไทรอยด์เนื่องจากขาดแคลนฮอร์โมน (Hypothyroidism) 
โรคความผิดปกติของต่อมไทรอยด์เนื่องจากขาดแคลนฮอร์โมน จะทำให้สุนัขเซื่องซึม เฉื่อยชาลงกว่าเดิม ส่วนต่างๆ ของร่างกายสุนัขก็จะทำงานช้าลงกว่าเดิม ดูไม่มีเรี่ยวแรง ขนจะกระด้าง ผอม และหกล้มง่าย ในสุนัขตัวผู้จำนวนสเปิอร์มจะลดลงและลดกิจกรรมทางเพศ ในสุนัขเพศเมียรอบประจำเดือนจะผิดปกติ สัญญาณที่บ่งบอกอาการของโรคอาจจะเกิดช้า จะสามารถตรวจพบอาการนี้ได้จากการตรวจเลือด ในสุนัขรายที่เป็นแล้วเยียวยาด้วยการให้ฮอร์โมนไทรอยด์ โรคนี้เป็นโรคที่สืบเนื่องจากพันธุกรรม

โรคมะเร็ง (Cancer) 
โรคมะเร็งที่จัดเป็นภาวะปกติมากสำหรับร๊อตไวเลอร์ คือ มะเร็งกระดูก อาการที่บ่งชี้ คือ มี ก้อนบวม ก้อนนูน ไฝ ขากะเผลกที่หาสาเหตุไม่ได้



ผู้เลี้ยงที่เหมาะสม


     ผู้เลี้ยงที่เหมาะสมกับรอตต์ไวเลอร์ต้องเป็นคนที่กระฉับกระเฉงสักหน่อย เข้าใจพฤติกรรมสุนัขหรือไม่ก็พร้อมที่จะเรียนรู้ ควรเป็นคนที่มีความรับผิดชอบ และเข้าใจความสำคัญของการพาสุนัขเข้าสังคมและฝึกฝนตั้งแต่ยังเป็นลูกสุนัขเล็กเลยที่เดียว ไม่ควรขังเขาไว้ในกรงหรือที่แคบเป็นเวลานานจะทำให้เขารู้สึกเครียด ควรพาไปออกกำลังกายเป็นกระจำทุกวัน เพื่อเผาผลาญพลังงาน นอกจากจะไม่อ้วนเล้วยังเป็นน้องหมาที่มีพลังงานมั่นคง อารมณ์ดี และเป็นมิตรมากขึ้น ควรหลีกเลี่ยงการฝึก หรือ ทำโทษเขาโดยใช้ความรุนแรงโดยเด็ดขาด เพราะ จะทำให้เขาเครียด หลาดกลัว ปกป้องตัวเอง ไม่เชื่อฟังเจ้าของ และจู่โจมด้วยการใช้ความรุนแรงตอบโต้ในที่สุด อันที่จริงสุนัขพันธุ์นี้สามารถเป็นมิตรและอยู่ร่วมกับเด็กและครอบครัวได้ ไม่มีปัญหา เพียงแต่จะต้องระวัง และปฏิบัติตามในสิ่งที่กล่าวมา



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น