ประวัติของสุนัขสายพันธ์บีเกิ้ล
ถิ่นกำเนิด ประเทศอังกฤษ สุนัขพันธุ์บีเกิลเป็นสุนัขพันธุ์เล็กที่สุดพันธุ์หนึ่งในสุนัขกลุ่มล่า สัตว์ บิเกิลได้ถูกระบุเขียนถึงครั้งแรกเมื่อปี 1475 เมื่อเวลาเข้าป่าล่าสัตว์ พรานจะนำสุนัขพันธุ์นี้ไปเป็นฝูงเพื่อหาเหยื่อ สุนัขพันธุ์นี้ใช้ช่วยล่าสัตว์ทั่วโลกจริงๆ อย่างในซูดาน เอาไว้ล่าหมาป่าแจคเกิ้ล ทางตอนเหนือหนาวเย็นใช้ช่วยล่ากวาง ในอเมริกา แคนนาดาตอนนี้ใช้สุนัขพันธุ์บีเกิลเพื่อไปคาบนกที่ล่าได้นำกลับมาคืนเจ้าของ ขนาด มีน้ำหนัก 8-13 กิโลกรัม สูง 33-40.50 เซ็นติเมตร
ลักษณะ ทั่วไป สี มักมีขนสามสีบนตัว สีขาว ดำ น้ำตาล สีที่อกโดยมากเป็นสีขาว ส่วนสีดำกับสีน้ำตาลนั้นจะอยู่บนลำตัว และแผ่นหลังด้านใต้ท้องก็จะเป็นสีขาวเช่นกัน หัว ความยาวของกะโหลกจะสมส่วน กล่าวคือ ความยาวจากปลายจมูกถึงมุมปากจะเท่ากัน จากมุมปากถึงส่วนท้ายของกะโหลก รูปทรงของหัวจะมีกระหม่อมที่ไม่โค้งนูนมาก จะกว้างหน้าผากจะตั้งชัดเจน ใบหูยาวปกลง ขน สั้นตรง เท้า ขนาดกระทัดรัด แข็งแรง หาง ความยาวปานกลาง ค่อนข้างตรงชี้ขึ้น
ข้อดีของสุนัขพันธุ์นี้
1. รักเด็ก รักสันติ
2. ไม่ก้าวร้าวกับสุนัขอื่นๆ
3. ฉลาด และช่างประจบ
บีเกิ้ล (Beagle) เป็นสายพันธุ์สุนัขมีถิ่นกำเนิดในประเทศสหราชอาณาจักร อยู่ในจำพวกกลุ่มสุนัขล่าเนื้อ(Hound) มีขนสั้นและหูปรก เป็นสุนัขที่มีประสาทด้านการดมกลิ่นเป็นเลิศ (scent hounds) ที่พัฒนาสายพันธ์ขึ้นมาครั้งแรก ด้วยจุดประสงค์เพื่อเป็นผู้ช่วยมนุษย์ ในกีฬาการล่าต่างๆ โดยเฉพาะการล่ากระต่าย
ด้วยประสาทด้านการดมกลิ่นที่ ไวมาก จึงได้มีการฝึกให้เป็นสุนัขตรวจสอบของผิดกฎหมาย อย่างเช่น ยาเสพติด วัตถุระเบิด ฯลฯ แต่บีเกิ้ลยังได้รับความนิยมในฐานะสัตว์เลี้ยงเช่นกัน ด้วยขนาดตัวที่พอเหมาะ เป็นสุนัขอารมณ์ดี และสุขภาพแข็งแรงทนทานต่อโรค ด้วยคุณสมบัตินี้เอง บีเกิ้ลยังถูกใช้ในงานวิจัยต่างๆ ที่เกี่ยวกับสัตว์อีกด้วย
สุนัขสายพันธุ์บีเกิ้ลมีมากว่า 2000 ปีแล้ว และมีชื่อเสียงมากในยุคของพระนางอลิซาเบท (Elizabethan era) ซึ่งปรากฏในงานวรรณกรรม จิตรกรรม ภาพยนตร์ โทรทัศน์ และหนังสือการ์ตูนเรื่องสนู๊ปปี้ (Snoopy) ก็เป็นบีเกิ้ลที่มีชื่อเสียงมากที่สุดตัวหนึ่งของโลก
มาตรฐานสายพันธ์ของสุนัขสายพันธ์บีเกิ้ล
มาตรฐานสายพันธุ์ บีเกิ้ล
- อุปนิสัย ร่าเริง ชอบล่าสัตว์ร่วมกันเป็นฝูง
- ส่วนหัว หัวกะโหลกค่อนข้างยาว ส่วนบนเป็นรูปโค้ง
- หู ฐานของหูอยู่ในระดับต่ำ ใบหูกว้าง หูยาว ถ้าดึงไปข้างหน้าจะยาวจรดจมูก ขนบริเวณหูนุ่ม หูห้อยชิดแก้ม ปลายหูมน
- ตา มีขนาดใหญ่ มีแววตาเชื่อง ตาสีน้ำตาล
- ปาก (muzzle) มีความยาวปานกลาง สันปากตรง ริมฝีปากตึง
- จมูก รูจมูกกว้าง
- ฟัน ขบแบบกรรไกร
- ลำตัว สั้น เส้นหลังตรง
- คอ มีความยาวปานกลาง แข็งแรงไม่มีรอยย่นใด ๆ
- ลำตัวส่วนหน้า หัวไหล่ลาดเอียง ประกอบด้วยกล้ามเนื้อแข็งแรง หัวไหล่มีขนาดพอเหมาะ ไม่ ใหญ่เทอะทะเกินไป
- อก กว้างและลึก มีขนาดสัมพันธ์กับข้อศอก เพื่อให้การเคลื่อนที่ของขาหน้ามีประสิทธิภาพ ขาหน้า ตั้งตรง แข็งแรง กระดูกค่อนข้างใหญ่
- ข้อเท้าหน้าสั้น นิ้วเท้าชิดมองจากด้านหน้าขา หน้าทั้งสองขนานกันห่างกันพอเหมาะ
- เอว กว้าง โค้งเล็กน้อย
- สะโพก ประกอบด้วยกล้ามเนื้อแข็งแรง ทำให้การเคลื่อนที่ของส่วนท้ายมีความมั่นคง
- ขาหลัง ข้อเท้าหลังแข็งแรง มองจากด้านหลัง ขาหลังทั้งสองข้างขนานกันและห่างกันพอ เหมาะ
- หาง โคนหางอยู่ในตำแหน่งค่อนข้างสูง หางตั้ง โค้งเล็กน้อย หางมีขนาดค่อนข้างสั้นเมื่อ เทียบ กับขนาดของลำตัว ปลายหางขาว
- ขน-สี ขนสั้น แข็ง สีเหมือนสุนัขพันธุ์อื่น ๆ ในตระกูลฮาว์ด
- ขนาด แบ่งออกเป็นสองขนาดคือ BEAGLE 13 นิ้ว มีความสูงไม่เกิน 13 นิ้ว และ BEALGE 15 นิ้ว มีความสูงประมาณ 13-15 นิ้ว
- การเดิน-วิ่ง คล่องแคล่ว ปราดเปรียว
ข้อบกพร่องของสุนัขสายพันธ์บีเกิ้ล
ข้อบกพร่อง หนังบริเวณคอย่น คอสั้นเกินไป อกลีบ ลำตัวยาว เอวลีบ หางยาวเกินไป สูงเกิน 15 นิ้ว
พฤติกรรมทั่วไป
บีเกิ้ลเป็นสุนัขที่สุภาพ พวกมันค่อนข้างเป็นมิตร ไม่ดุร้ายเกินไปหรือเฉื่อยชาเกินไป ชอบอยู่กันเป็นกลุ่ม แม้ว่าจะพอใช้กันคนแปลกหน้าได้บ้าง แต่มันก็เชื่องคนง่ายเกินจึงไม่เหมาะที่จะเป็นสุนัขเฝ้าบ้าน
แต่ว่ามันยังคงเห่าหรือหอนบ้าง เมื่อเผชิญหน้ากับคนแปลกหน้า
ในปี 1985 เบ็นและลิเน็ท ฮาท(Ben and Lynette Hart) ได้ทำการศึกษาบีเกิ้ล พร้อมกับสุนัขพันธุ์อื่นๆอย่าง ยอคเชียร์ เทอเรีย(Yorkshire Terrier)
เคน ท์ เทอเรีย (Cairn Terrier) เวส ไฮด์แลนด์ ไวท์ เทอเรีย (West Highland White Terrier) ฟอกซ์ เทอเรีย(Fox Terrier) ผลออกมาว่าบีเกิ้ลเป็นสุนัขที่ฉลาด และเป็นสายพันธุ์ที่ถูกพัฒนามาด้วยจุดประสงค์เดียว
คือให้เป็นนักล่ามาเป็นเวลานาน ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้ฝึกค่อนข้างยาก โดยทั่วไปเมื่อมันรับคำสั่งแล้ว จะสั่งยกเลิกได้ยาก และเมื่อมันจดจำกลิ่นหนึ่งได้ มักจะถูกกลิ่นอื่นรอบตัวเบี่ยงเบนความสนใจได้ง่าย พวกมันจะไม่ค่อยยอมรับคำสั่งทั่วๆไป แต่ก็มีการตอบสนองต่ออาหารที่ดี มีความตื่นตัวสูง ช่างประจบ ในทางกลับกันก็เป็นสุนัขที่เบื่อง่าย บีเกิ้ลเป็นสุนัขที่เหมาะกับเด็กๆ จึงเป็นสุนัขที่นิยมเลี้ยงกันในครัวเรือน แต่ว่าพวกมันเป็นสุนัขที่อยู่เป็นฝูง เวลานำไปเลี้ยงจึงอาจเกิดอาการซึมเศร้าได้
ไม่ใช่บีเกิ้ลทุกตัวที่จะหอน แต่ส่วนมากจะเห่าเมื่อเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่คุ้นเคย ซึ่งบางตัวจะเห่าหรือหอน เมื่อรับรู้ถึงกลิ่นใดกลิ่นหนึ่งโดยเฉพาะ บีเกิ้ลยังเข้ากับสุนัขสายพันธุ์อื่นได้ง่าย พวกมันแข็งแรงมาก จึงวิ่งเล่นได้นานโดยที่ไม่เหนื่อยง่ายๆ
โรคของสุนัขสายพันธ์บีเกิ้ล
1. Cherry eye
เกิดจารการอักเสบทำให้เปลือกตาที่สามขยายใหญ่ขึ้นและยื่นออกมา น้องหมาจะไม่ค่อยรู้สึกรำคาญมากนัก แต่สำหรับผู้พบเห็นน้องหมาแล้ว อาจจะดูน่าเกลียด ไม่น่ารัก การรักษาอาจต้องใช้การผ่าตัด
2. Keratoconjunctivitis Sicca โรคตาแห้ง
โรคนี้ถือได้ว่าเป็นโรคที่มีความรุนแรงเพราะถ้าเจ้าของน้องหมาไม่ใส่ใจและดูแล ปล่อยปละละเลย อาจทำให้น้องหมาตาบอดได้ และโรคนี้เป็นโรคที่ทำให้น้องหมามีความเจ็บปวดอย่างมากด้วย ผู้ที่เลี้ยงน้องหมาควรใส่ใจให้มากๆนะครับ ส่วนสาเหตุของโรคตาแห้ง เกิดจากต่อมผลิตน้ำตาทำงานบกพร่องทำให้การผลิตน้ำหล่อเลี้ยงตาไม่เพียงพอ
3. Glaucoma ต้อหิน
โรคต้องหินเกิดจากที่ของเหลวในลูกตาไม่สามารถไหลเวียนกลับเข้ากระแสเลือดได้ตามปกติ จึงทำให้เกิดแรงดันในลูกตามากขึ้นและทำเป็นอันตรายต่อประสาทตา และโรคต้อหินนี้เป็นอีกโรคหนึ่งที่จะทำให้น้องหมาตาบอดได้ ดังนั้นเราควรใส่ใจเป็นพิเศษ
โรคทางพันธุกรรมของน้องหมาพันธุ์บิเกิ้ล ส่วนใหญ่ก็จะเป็นโรคที่เกี่ยวกับดวงตา เพราะฉนั้นผู้ที่เลี้ยงน้องหมาพันธุ์บีเกิ้ล จึงต้องใส่ใจ และดูแล เรื่องดวงตาของน้องหมาให้เป็นพิเศษ นอกจากโรคทางพันธุกรรมแล้วก็ยังมีโรคอื่นๆอีกที่น้องหมาอาจจะสุ่มเสี่ยงที่จะเป็นได้ เช่นโรคไต โรคเกี่ยวกับทางเดินอาหาร และอื่นๆอีกมากมาย วันหลังถ้าเขียนเกี่ยวกับน้องหมาแต่ละพันธุ์เสร็จแล้ว จะนำโรคต่างๆที่น้องหมาอาจจะเป็น และ อาการของโรค โดยรวมมาลงไว้นะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น