วันเสาร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

Old English Sheepdog


ลักษณะทั่วไป


     สุนัขพันธุ์ใหญ่หางยาวสีเทาและลำตัวมีขนสีขาวเป็นพันธุ์ใหญ่ของสุนัขที่พัฒนามาในประเทศอังกฤษ สุนัขพันธุ์นี้มีขนยาวมาก ปรกคลุมทั้งใบหน้าและดวงตา ชื่อเล่นของมันคือ bobtail “เจ้าหางบ๊อบ” ซึ่งเรียกมาจากการตัดหางสุนัขแบบหางเรือที่นิยมกันแต่ก่อน พันธุ์นี้ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสุนัขที่ใช้ในโฆษณาสีทาบ้านของ Dulux ทำให้เป็นที่รู้จักกันมากในปัจจุบัน

ความเป็นมา

     สุนัขพันธุ์นี้ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่ามีถิ่นกำเนิดในประเทศใด แต่ได้รับการพัฒนาขึ้นทางฝั่งตะวันตกของประเทศอังกฤษบริเวณเมือง DEVON,SOMRSET และ DUCHY เป็นต้น ปรากฏให้เห็นในครั้งแรกจากภาพวาดตั้งแต่สมัย 1771 และสมัย 1800 ทางฝั่งเมื่อตะวันตกเก่าแก่ของประเทศอังกฤษ ปรากฏในรูปของสุนัขพันธุ์ Bearded Collie ซึ่งเชื่อว่า ต่อมาได้ถูกพัฒนาสายพันธุ์ กับ Russian Owtchar เพื่อให้ได้ขนแบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
 
     ต่อมาได้มีการจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกันสุนัขพันธุ์นี้ในเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ แต่เรียกกันในนาม Shepherd's Dog ปี 1873 แต่ในตอนนั้นสายพัน์ยังไม่เป็นที่ยอมรับนัก เนื่องจากคุณภาพของสุนัขยังไม่ดีพอ หลังจากนั้นจึงได้พัฒนาขนต่อโดยคงขนาดตัวไว้ จนเป็นที่รู้จักกว้างขวางในปี 1907 ก็ได้มีการส่งออกสายพันธุ์ไปยังอเมริกา
 
     สุนัขพันธุ์นี้ได้รับการพัฒนาสายพันธุ์มาเพื่อเลี้ยงและเฝ้าแกะ เช่นเดียวกับสุนัขเลี้ยงแกะอื่น ๆ พวกเขาฉลาดมาก คนเลี้ยงแกะสามารถไว้ใจพวกเขาไม่เพียงแค่เฝ้าแกะทั้งกลางวันกลางคืนแต่ยังใช้พวกเขาในการ ต้อนแกะเข้าด้วยกันเวลาอยู่ในพื้นที่ที่ไม่ได้ล้อมรั้ว เพื่อพาฝูงแกะเข้าตลาดอีกด้วย

{pic-alt}

ลักษณะนิสัย

     โอลด์ อิงลิช ชีพดอกเป็นสุนัขอารมณ์ดี ทุ่มเทให้กับครอบครัว รักสนุกและขี้เล่น ไม่ว่าคุณจะวิ่งเหยาะ ๆ หรือ เพียงเดินเล่นในสวน เขาก็จะสนุกไปกับคุณด้วย ถ้าคุณเป็นคนติดบ้านเขาก็พอใจกับการได้นอนอยู่ข้าง ๆ พวกเขาไม่เคยโตและชอบออกไปนั่งรถเล่น เพียงแค่ได้อยู่กับครอบครัว เขาก็มีความสุขเต็มที่แล้ว เขาเป็นสุนัขเฝ้ายามที่ดีมาก เพราะอารมณ์คงที่ และไม่เคยก้าวร้าว

การดูแล

     เป็นสายพันธุ์ที่ต้องการดูแลสูงเนื่องจากขนที่สวยและหนา หรือคุณอาจจะคอยเล็มขนเข้าให้สั้นหน่อยก็ได้ ไม่เป็นปัญหาอะไร ควรตรวจดูและทำความสะอาดหูเป็นประจำ หมั่นทำความสะอาดตา ด้านหลัง และซอกเท้า และในช่วงฤดูร้อนต้องคอยระวังละอองหรือดอกหญ้าซึ่งอาจติดตามขน และเข้าไปถึงผิวหนังจนกลายเป็นปัญหา ใหญ่ได้ การอาบน้ำและแต่งขนสม่ำ-เสมอจะทำให้พวกเขาน่ารักและเหมาะจะเลี้ยงในบ้านอย่างมีความสุข


มาตรฐานสายพันธุ์


 

ขนาดเพศผู้ส่วนสูง 56 - 61 เซนติเมตร น้ำหนัก 29 กิโลกรัม เพศเมียส่วนสูงประมาณ 51 เซนติเมตร น้ำหนัก 45 กิโลกรัม 
ศรีษะศีรษะใหญ่ ส่วนกะโหลกแบนเล็กน้อย มีชวงหักบนบนใบหน้า ระหว่างตาทั้ง 2 ข้างกำลังดี
ฟันมีลักษณะขบกรรไกร
ปากริมฝีปากดำกระชับ
ตาดวงตาสามารถเป็นได้ทั้งสีน้ำตาล หรือสีฟ้า
หูมีขนาดปานกลาง ห้อยตกขนาบศีรษะ
จมูกสีดำสนิท 
คอยาวกำลังพอดีกับลำตัว หนา แข็งแรง เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ
อกอกกว้าง ลึก
ลำตัวลำตัวแข็งแรง เป็นทรงสี่เหลี่ยม หลังหนา เป็นเส้นตรง ร่างกายเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ
เอว-
ขาหน้าขาหน้าตรง ขนานกัน 
ขาหลังขากลม  ต้นขาเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ท่อนขาล่างมองจากด้านหลังขนานกันทั้ง 2 ข้าง
หางเป็นน้องหมาที่ไม่มีหาง
ขนขนยาว 2 ชั้น หยัก ขนชั้นในนุ่ม ละเอียด สั้นกว่าขนชั้นนอก ซึ่งเส้นใหญ่และหยาบมากกว่า 
สีขนสีเทา, สีเทาเงิน, สีฟ้าเทา,สีฟ้าคราม สลับกับแถบสีขาว



ผู้เลี้ยงที่เหมาะสม

     เหมาะกับคนที่สามารถให้เวลาและการเอาใจใส่ พวกเขารักครอบครัวโดยเฉพาะเด็ก ๆ ถึงแม้ว่าไม่ควรทิ้งเด็ก ให้อยู่ตามลำพังกับสุนัข

ข้อควรจำ

     โอลด์ อิงลิช ชีพดอกเป็นสายพันธุ์ที่ฉลาดและเหมาะจะเป็นสุนัขอารักขาแม้ว่าพวกเขาจะมีความคิดเป็นของตัวเอง แต่ก็ไม่ก้าวร้าว แต่ถ้าโดยรังแกโดยคนอื่นหรือสุนัขตัวอื่นเขาจะลุกขึ้นสู้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะถ้าเป็นการปกป้อง สมาชิกใน ครอบครัว หรือทรัพย์สมบัติ สุนัขสายพันธุ์นี้มีความคิดฉับไวและพร้อมเสมอกับการฝึกวินัย

Japanese Akita Inu



{pic-alt}

ลักษณะทั่วไป

     สำหรับสุนัขพันธุ์อาคิตะเป็นสุนัขขนาดกลางที่ยกย่องให้เป็นสุนัขที่าซื่อสัตย์และจงรักภักดีต่อเจ้าของมากที่สุด จนถึงกับมีการขนานนามจากทั่วโลกว่า "The Loyal Friend from the Land of the Rising Sun" หรือแปลเป็นภาษาไทยว่า "เพื่อนผู้ซื่อสัตย์จากแดนอาทิตย์อุทัย" นั่นเอง และด้วยความซื่อสัตย์จนเป็นที่กล่าวขวัญของคนทั่วไป สุนัขสายพันธุ์อาคิตะ จึงเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นทั่วโลก

ความเป็นมา

     สุนัขสายพันธุ์อาคิตะ เป็นสุนัขประจำชาติของญี่ปุ่น มีถิ่นกำเนิดในเมืองฮอนชู ซึ่งในสมัยก่อนนั้น อาคิตะ จะถูกเพาะสุนัขพันธุ์และเลี้ยงไว้เพื่อวัตถุประสงค์ในการใช้เป็นสุนัขอารักขาองค์จักรพรรดิ์ และใช้งานเป็นสุนัขล่าสัตว์ต่าง ๆ เช่น กวาง นก และหมี อีกทั้งยังใช้งานในกกองทัพทหาร
และตำรวจอย่างกว้างขวางอีกด้วย

     ต่อมาในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 สายพันธุ์อาคิตะเริ่มเข้าสู่วิกฤตอย่างแท้จริง เนื่องจากจำนวนของสุนัขสายพันธุ์นี้ลดลงเป็นจำนวนมากจากสาเหตุของการขาดแคลนอาหาร นอกจากนี้ ยังมีการสั่งให้จับกุมและคุมขังสุนัขทุกตัว นอกเหนือจากสุนัขสายพันธุ์เยอรมัน เชพเพิร์ด ที่สามารถใช้ประโยชน์ได้ในสงคราม ทำให้สุนัขสายพันธุ์ต่าง ๆ ขาดอาหารและล้มตายเป็นจำนวนมาก

     ภายหลังสงครามจบสิ้นลง จึงเริ่มมีการฟื้นฟูสุนัขสายพันธุ์อาคิตะ ขึ้นมาใหม่ ซึ่งในช่วงนี้เองที่อาคิตะถูกชาวอเมริกันที่หลงรักในสุนัขสายพันธุ์นี้นำเข้าไปยังอเมริกาจำนวนมาก และได้รับการพัฒนาสายพันธุ์จนกลายเป็น อเมริกัน อาคิตะ นอกเหนือจากแจแปนนิส อาคิตะ ที่เป็นสายพันธุ์ดั้งเดิม

     อย่างไรก็ตาม ในภายหลังสมาคมผู้พัฒนาพันธุ์สุนัขของสหรัฐอเมริกาและสมาคมผู้พัฒนาสายพันธุ์สุนัขของแคนาดา ได้ร่วมมือกันทำการวิเคราะห์อเมริกัน อาคิตะ และแจแปนิส อาคิตะ จนได้ข้อสรุปว่า ทั้งสองสายพันธุ์มีลักษณะต่างกัน แต่เป็นสายพันธุ์เดียวกัน ซึ่งต่อมาในวันที่ 1 มกราคม ค.ศ.2006 สมาคมผู้พัฒนาพันธุ์สุนัขของประเทศอังกฤษ จึงได้ข้อสรุปว่า แจแปนนิส อาคิตะ เป็นสายพันธุ์ดั้งเดิมที่ไมีมีการผสมข้ามสายพันธุ์แต่อย่างใด

ลักษณะนิสัย


     อาคิตะ เป็นสายพันธุ์สุนัขที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง ค่อนข้างรักสันโดษ และไม่ค่อยแสดงความรู้ออกมาให้เห็นนัก ไม่ว่าจะกับเจ้าของ คนแปลกหน้า หรือสัตว์เลี้ยงด้วยกันเอง พวกเขามักไม่ค่อยเข้าใกล้คนแปลกหน้า จึงจำเป็นต้องได้รับการฝึกฝนให้เข้าสังคมอย่างเพียงพอ เพื่อลดความก้าวร้าวที่อาจเกิดขึ้นเมื่อพบคนแปลกหน้า


     นอกจากนี้ อาคิตะ ยังเป็นสุนัขที่ฉลาด อดทน มีพลัง ห้าวหาญ กล้าตัดสินใจ โดยอุปนิสัยที่ถือเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของสุนัขสายพันธุ์นี้ คือความซื่อสัตย์และความจงรักภักดีต่อเจ้าของ พวกเขาได้รับการยกย่องในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก และเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้คนทั่วโลกหันมาชื่นชมและสนใจเลี้ยงสุนัขสายพันธุ์นี้กันมากขึ้นตามลำดับ

การดูแล

     อาคิตะเป็นสุนัขที่ดูแลความสะอาดง่าย โดยปกติจะผลัดขนปีละ 2 ครั้ง พวกเขาจะมีนิสัยรักสะอาดอยู่แล้วดังนั้นผู้เลี้ยงจึงไม่ต้องกังวลเรื่องความสะอาดเท่าไหร่นัก แต่สิ่งที่ควรใส่ใจก็คือ การพาพวกเขาไปออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพราะถึงแม้อาคิตะจะเป็นสุนัขขนาดกลางแต่เขาจะมีพลังงานในร่างกายที่ค่อนข้างสูง ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา ทั้งยังมีนิสัยเบื่อง่าย ดังนั้นการออกกำลังกายจะช่วยให้อาคิตะได้ใช้พลังงานที่อยู่ในร่างกายอย่างสมดุล และลดความเบื่อหน่ายซึ่งเป็นที่มาของภาวะเครียดด้วย

     นอกจากนี้ยังมีอีกเรื่องที่ต้องระวังคือ แม้สุนัขสายพันธุ์อาคิตะ จะเป็นสุนัขที่สามารถทนกับสภาพอากาศที่หนาวเย็นได้ดี แต่ในทางตรงข้าม พวกเขามีความสามารถในการทนอากาศร้อนได้ในระดับต่ำ ดังนั้น ผู้เลี้ยงจึงควรหลีกเลี่ยงการเลี้ยงดูสุนัขสายพันธุ์นี้ไว้ในที่ที่มีอากาศร้อนจัด
{pic-alt}


มาตรฐานสายพันธุ์


 

ขนาดส่วนสูง เพศผู้ 26-28 นิ้ว เพศเมีย 24-26 นิ้ว  น้ำหนัก เพศผู้ 34-54 กก. เพศเมีย 34-50 กก.
ศรีษะมีขนาดใหญ่สัมพันธ์กับขนาดของลำตัว รูปร่างของหัวเป็นรูปสามเหลี่ยม โดยมียอดสามเหลี่ยมอยู่ที่ปลายจมูก กะโหลกระหว่างหูค่อนข้างกว้าง ส่วนหูปราศจากรอยย่น
ฟันแข็งแรงและสบกันแบบกรรไกร
ปากปากกว้าง ขอบปากดำ กระบอกปากใหญ่ ความยาวของปากต่อความยาวของกะโหลกคือ 2:3
ตาเล็กลึก สีน้ำตาลเข้ม ขอบตาตึงสีดำ
หูมีขนาดเล็ก ตั้งตรงเป็นรูปสามเหลี่ยม โคนหูกว้าง ปลายหูมน ลักษณะสำคัญของสายพันธุ์นี้คือ หูยกตั้งตรงกับแนวแผงคอหลัง และไม่มีรอยยับตรงช่วงหู
จมูกจมูกกว้าง สีดำ ส่วนสุนัขสีขาวอาจมีจมูกสีน้ำตาลได้ จุดหักของจมูกต้องชัดเจนแต่ต้องไม่หักมากจนเกินไป
คอค่อนข้างสั้น เมื่อเทียบกับขนาดของลำตัว
อกอกกว้างและลึก
ลำตัวมากกว่าความสูงประมาณ 10:9 สำหรับเพศผู้ และประมาณ 11:9 สำหรับเพศเมีย เส้นหลังตรงขนานกับพื้น ผิวหนังตึง
เอว-
ขาหน้ามีกระดูกใหญ่และตั้งตรง ข้อเท้าเอียงประมาณ 15 องศามองจากด้านหน้า ขาหน้าตั้งฉากกับพื้น ห่างกันพอประมาณ
ขาหลังมีกระดูกใหญ่ ข้อเท้าหลังทำมุมพอเหมาะ
หางใหญ่และม้วน โดยหางอยู่ในระดับสูง
ขนขนมีสองชั้น ขนชั้นในหนานุ่ม ขนชั้นนอกแข็งตรง
สีขน สีจัดเห็นได้ชัด และเป็นสีอะไรก็ได้


ผู้เลี้ยงที่เหมาะสม

     ควรเป็นผู้ที่มีเวลาพอจะที่ทำกิจกรรมต่างๆ หรือพาอาคิตะไปออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เขาได้ใช้พลังงานที่สะสมอยู่ในร่างกาย และเพื่อที่สร้างเสริมสุขภาพของเขาให้แข็งแรง และมีเวลาฝึกวินัยให้พวกเขารู้สึกมีความมั่นคงทางอารมณ์ ห่างไกลพฤติกรรมก้าวร้าว

ข้อควรจำ
     อาคิตะก็มีอุปนิสัยที่เป็นข้อเสียอยู่เช่นกัน เพราะพวกเขามักมีอาการเบื่อง่าย หรือขี้เบื่อ จนอาจนำไปสู่พฤติกรรมไม่พึงประสงค์ต่างๆ ได้ เช่น กัดข้าวของ เห่าเพรื่อ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีโรคประจำสายพันธุ์ คือโรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง เบาหวาน ควรพาพวกเขาไปตรวจร่างกายอย่างสม่ำเสมอ หากมีอาการผิดปกติ ควรพาไปพบสัตวแพทย์ทันที

Labrador Retriever

{pic-alt}

ลักษณะทั่วไป


     เป็นสุนัขพันธุ์ใหญ่ที่จัดอยู่ในกลุ่ม sporting group เนื่องจากต้นกำเนิดเป็นสุนัขที่ใช้ในการล่าและจับสัตว์ พื้นฐานโครงสร้างจึงเป็นสุนัขที่มีความแข็งแรง ทรงตัวได้ดี สามรถทนต่อสภาวะที่ปรวนแปรได้ดี ดูใจดีมีความฉลาด และสง่างาม

ความเป็นมา

     สุนัขพันธุ์ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์นี้มีต้นกำเนิดในรัฐนิวฟาวด์แลนด์ประเทศแคนาดา โดยใช้ช่วยงานชาวประมงในการลากอวนเข้าฝั่ง ปีที่กำเนิดประมาณ ค.ศ. 1800 และต่อมาในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 สุนัขต้นสายพันธุ์ลาบราดอร์ได้ถูกนำจากนิวฟาวด์แลนด์มาที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นสุนัขที่มีสีดำ ขนสั้นทั้งสิ้น แต่ด้วยความที่มีการเก็บค่าภาษีสุนัขที่แพงมาก ประกอบกับกฏระเบียบที่เข้มงวดของอังกฤษทำให้การนำเข้าสุนัขพันธุ์นี้ไปยังอังกฤษต้องหยุดชะงักลง เมื่อความต้องการลดน้อยลงคนจึงเลิกเพาะ จนมีการพัฒนาสายพันธุ์ขึ้นมาใหม่โดยผสมข้ามสายพันธุ์กับสุนัขในกลุ่มรีทรีฟเวอร์ในปี ค.ศ. 1903 จะเห็นได้ว่าเดิมสุนัขพันธุ์นี้มีแต่สีดำ แต่หลังจากมีการพัฒนาสายพันธุ์ในภายหลังทำให้เกิดสีเหลืองตามมา ซึ่งก็เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปและถูกต้องตามมาตรฐานสายพันธุ์ หรือแม้จะเป็นสีช็อคก็ได้รับความนิยม  ปัจจุบันสุนัขพันธุ์นี้นอกจากจะใช้งานในการล่าสัตว์แล้ว ยังใช้ในการตรวจค้นหายาเสพติด ระเบิด และช่วยนำทางให้กับผู้พิการทางสายตาอีกด้วย

{pic-alt}

ลักษณะนิสัย


     สุนัขพันธุ์ ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ เป็นสุนัขที่ฉลาดหลักแหลม กระตือรือร้น รักสนุก ช่างเอาอกเอาใจเป็นสายพันธุ์ที่เหมาะกับครอบครัวที่มีเด็กประกอบกับการที่เป็นสุนัขเฝ้ายามที่ดีเนื่องจากมีเสียงเห่าทุ้มและ หนักแน่น เป็นที่น่าเกรงขามเพื่อเตือนเมื่อมีผู้บุกรุก สามารถฝึกความสามารถพิเศษอื่นๆ ได้มากมาย เช่น ใช้เป็นสุนัขค้นหาผู้ประสบภัย ค้นหายาเสพติด ฯลฯ ปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมใหม่ได้ง่าย
 
การดูแล

     สำหรับสุนัขพันธุ์นี้ ต้องมีคอกที่ใหญ่และมีรั้วสูงล้อมรอบ มีพื้นที่ให้น้องหมาวิ่งเล่นก็จะดี ควรให้เขาออกกำลังกายวันละ 30 นาที จะทำให้พวกเขาแข็งแรง มีความมั่นคงทางอารมณ์ เนื่องจากสุนัขพันธุ์นี้จะอ้วนง่ายเวลาที่มีอายุมากขึ้นซึ่งสามารถก่อให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพ ดังนั้นจึงควรดูแลอาหารการกินที่มีปริมาณและคุณค่าทางอาหารเหมาะสมตามวัยของสุนัข ทำความสะอาดเดือนละ 2 ครั้ง

{pic-alt}


มาตรฐานสายพันธุ์

 

ขนาดตัวผู้สูง 22.5-24.5 นิ้ว หนัก 60-75 ปอนด์ ตัวเมียสูง 21.5-23.5 นิ้ว น้ำหนัก 55-70 ปอนด์ (ส่วนสูงถึงหัวไหล่ และน้ำหนักโดยประมาณ 25-34 กิโลกรัม)
ศรีษะกะโหลกใหญ่กว้าง สันจมูกมี STOP ขอบบนของเบ้าตาเป็นสันนูนขึ้นเล็กน้อย
ฟันฟันต้องสบกันพอดี โดยฟันล่างสัมผัสด้านในของฟันบน
ปากขอบปากสีดำ กระชัย ริมฝีปากด้านล่างย้อยลงเล็กน้อย
ตาตามีแววที่เป็นมิตร มีขนาดปานกลางไม่โปนหรือบุ๋มลึกเข้าไป มีสีน้ำตาลเข้มหรือดำ
หูหูจะปรกด้านข้างของหัว มีขนาดพอดี ถ้าดึงปลายหูมาด้านหน้าจะยาวระดับตา
จมูกจมูกใหญ่และกว้าง มีสีดำสนิทหรือสีน้ำตาล (ขึ้อยู่กับสีขน)
คอคอหนา แข็งแรง เรียบเนียบ ลาดลงรับกับห่วงไหล่ได้ดี
อกอกหนา ลึก แข็งแรง ซี่โครงอกขยายกว้างมั่นคง
ลำตัวคอยาวเล็กน้อย มีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงเป็นลักษณะของสุนัขที่ใช้ในเกมกีฬา เส้นหลังตรง ลำตัวสั้น ช่วงอกกว้างหนา กระดูกซี่โครงค่อนข้างกลม
เอว-
ขาหน้าขาหน้าเหยียดตรงแข็งแรง อุ้งเท้าหนา นิ้วเท้าโค้งมาก ขาหลังแข็งแรงได้สัดส่วน
ขาหลังขาหลังแข็งแรงได้สัดส่วน
หางส่วนโคนหางมีขนาดใหญ่ กลม หนา เรียวไปยังส่วนปลาย ไม่มีพู่หาง หางคล้ายหางของนาก
ขนขนสั้น เหยียดตรงและหนา มีขนสองชั้น ขนเรียบ มีสามสี สีดำสนิท สีน้ำตาลเข้ม หรือสีเหลืองหรือครีมจาง
สีขนขนมีสีครีม สีน้ำตาลเหลือง และ สีดำ 

    
ผู้เลี้ยงที่เหมาะสม

     เจ้าของสุนัขพันธุ์ควรมีสนามหลังบ้านซึ่งมีรั้วรอบขอบชิดอีกด้วย มีเวลาพาพวกเขาไปทำกิจกรรมร่วมกับครอบครัวและพาไปออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน ใส่ใจเรื่องสุขภาพของพวกเขาเป็นพิเศษ

ข้อควรจำ

 

     ผู้เพาะพันธุ์ซึ่งเอาใส่ใจ จะพาสุนัขไปตรวจสุขภาพประจำปี และเอกซ์เรย์เพื่อตรวจสอบว่ามีปัญหาเรื่องโรค กระดูกข้อสะโพกหลุดหรือกระดูกอ่อนหรือไม่ นอกจากนี้เรื่องการควบคุอาหารก็จำเป็น ลาบราดอร์เป็นสุนัขที่อ้วนง่าย ควรดูแลเรื่องปริมาณในการให้อาหารอย่างพอเหมาะ และ เหมาะสม